สร้างรายได้เพิ่มเพื่อการท่องเที่ยว

สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ ท่านๆ (ซึ่งรวมทั้งผมด้วย) คงมีความฝันอยากไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง ไม่ว่าจะเป็นการตามความฝัน ได้เปิดโลกเห็นสิ่งใหม่ๆ หรือเป็นการพักผ่อนก็ตาม แต่การท่องเที่ยวนั้นก็ต้องใช้เงินอยู่จำนวนหนึ่ง ดังนั้น ในบทความนี้ผมจะเสนอวิธีการสร้างรายได้เพิ่มเพื่อให้เราได้เที่ยวตามเป้าหมายและมีความสุข โดยไม่กระทบกับสุขภาพทางการเงิน โดยเริ่มตั้งแต่พื้นฐานเลยนะครับ


1. ตั้งเป้าหมายการท่องเที่ยว

ก่อนอื่นต้องวางเป้าหมายก่อนว่า เราอยากไปเที่ยวที่ไหน และเพื่อจุดประสงค์ใด เราจะพอทราบได้ว่า ต้องใช้งบประมาณเท่าใด และระยะเวลาในการเก็บเงินมากน้อยแค่ไหน ซึ่งระยะเวลาก็สำคัญต่อการตัดสินใจถึงวิธีการสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นและนำเงินนี้ไปลงทุนต่อยอดให้งอกเงย การวางแผนท่องเที่ยวเดี๋ยวนี้ทำได้ง่ายมากครับ ในโลกอินเทอร์เน็ตมีผู้คนมากมายที่มาเขียนรีวิวไว้ เหมือนเป็นไกด์นำทางเรา นอกจากจะทราบรายละเอียดของสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ยังได้ทราบถึงงบประมาณที่ต้องใช้อีกด้วย ทีนี้เราจะได้ระยะในการเตรียมตัวและจำนวนที่ใช้ ทำให้สามารถไปวางแผนต่อได้ง่ายขึ้น

2. สำรวจฐานะการเงินก่อนท่องเที่ยว

คราวนี้ก็มาสำรวจเงินในกระเป๋าของเราว่าเป็นอย่างไร ถ้าหากเรายังติดหนี้บัตรเครดิตอยู่ เดือนๆ จ่ายแต่ขั้นต่ำ ผมไม่แนะนำให้ก่อหนี้เพิ่มเพื่อมาท่องเที่ยวนะครับ หลายๆ ท่านคงทราบดีว่า ดอกเบี้ยบัตรเครดิตนั้นโหดมาก การมีหนี้เพิ่มนั้นไม่ดีต่อสุขภาพการเงินของเราในระยะยาว แต่ก็อย่าเพิ่งท้อใจไปครับ การตั้งเป้าหมายที่จะไปท่องเที่ยวให้ได้นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ และยิ่งดีซะอีก ถ้าเราสามารถหารายได้เพิ่มขึ้นจนสามารถเคลียร์หนี้และเหลือไปท่องเที่ยวได้อีก ถือว่าเป็นโบนัสสำหรับความพยายามและทุ่มเท

สำหรับท่านที่มีหนี้สินที่ต้องผ่อนจ่ายรายเดือนอยู่บ้าง เช่น ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เป็นต้น ในการไปเที่ยวนั้นต้องไม่กระทบกับเงินที่เราต้องนำมาผ่อนแต่ละเดือน เราจึงสามารถเก็บออมเงินสดที่เหลือแต่ละเดือน (ซึ่งจะกล่าวในข้อถัดไป) หรือสร้างรายได้เพิ่มเติมเพื่อนำมาใช้ท่องเที่ยวได้ครับ

อย่างไรก็ตาม ผมไม่อยากให้ทุกท่านมีหนี้สินเพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยวนะครับ เราอาจจะเคยเห็นโปรโมชั่นผ่อนจ่ายแพคเกจท่องเที่ยง 0% 10 เดือน หลังจากไปเที่ยวแล้วยังต้องมาตามจ่ายอีกหลายเดือนทำให้สุขภาพการเงินเราแย่ลงได้ และไปเที่ยวก็ไม่สนุกอย่างเต็มที่

3. จัดการรายรับรายจ่าย

หลังจากเราสำรวจเงินในกระเป๋าเราแล้วว่าเป็นแบบไหน คราวนี้เราทราบให้ได้ว่าในเดือนๆ เราเหลือเงินสดส่วนเกินเท่าไรด้วยวิธีทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ผมเชื่อว่าหลายท่านยังไม่ได้ทำบัญชีพวกนี้ ผมแนะนำว่าให้ลองทำดูแล้วจะทราบว่า รายจ่ายในแต่ละเดือนเราหมดไปกับอะไรบ้าง เรากำลังใช้จ่ายเกินกว่ารายได้ที่มีหรือไม่ ยิ่งถ้าเรามีเป้าหมายเพื่อการท่องเที่ยวแล้วด้วยจะได้ตั้งเป้าได้ว่าต้องเหลือเงินในแต่ละเดือนเท่าไร รายการไหนที่ฟุ่มเฟือยตัดทิ้งได้บ้าง ก็ลดรายการนั้นลง เช่น กาแฟแก้วละร้อยก็ทานให้น้อยครั้งลง สินค้าบางอย่างยังไม่จำเป็นก็เลื่อนการซื้อออกไปก่อน ฯลฯ เพื่อที่เราจะได้มีเงินเหลือสำหรับเก็บไว้ท่องเที่ยวนั่นนะครับ

4. สร้างรายได้เพิ่ม

อีกช่องทางหนึ่งที่จะทำให้เราสามารถเก็บเงินท่องเที่ยวได้เร็วยิ่งขึ้นคือการสร้างรายได้เพิ่ม ซึ่งในการสร้างรายได้เพิ่มนั้นก็มีอยู่หลายช่องทาง แล้วแต่ความถนัด เวลาที่เหมาะสมในแต่ละท่าน ซึ่งผมจะขอยกตัวอย่างบางวิธีเบื้องต้นนะครับ

  • รับงานนอกเสริม หากเราทำงานในสายครีเอทีฟจะได้เปรียบตรงนี้หน่อยครับ เพราะนอกจากในเวลางาน จันทร์-ศุกร์แล้ว วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ถ้าไม่เหนื่อยจนเกินไปแบ่งเวลาสักหน่อยรับงานอื่นมาทำเพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น นอกจากเงินแล้วยังได้ประสบการณ์เพิ่มขึ้นอีก เป็นฐานที่ทำให้เรามีเงินเดือนเพิ่มขึ้นในอนาคตอีกครับ
  • ขายสินค้าออนไลน์ เป็นการลงทุนและเริ่มต้นได้ง่าย สมัยนี้ช่องทางการจัดจำหน่าย การชำระเงิน และการส่งสินค้าทำได้สะดวก แต่การขายสินค้าออนไลน์นั้นย่อมมีคู่แข่งที่เยอะเป็นเงาตามตัว ดังนั้นเราต้องมองเทรนตลาดให้ออกว่าผู้บริโภคต้องการอะไร? และถ้าเรานำเสนอสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค และคุณภาพดี ยิ่งทำให้สินค้าเราขายดีมากยิ่งขึ้น
  • สร้างผลงานเพื่อขาย ในยุคนี้เป็นยุคที่ข้อมูล ความรู้ ขายได้ หรือที่เรียกว่า Infopreneur (นักธุรกิจข้อมูลความรู้) ใช้เพียงอินเตอร์เนทในการเผยแพร่ ไม่ว่าจะเป็น E-Book, DVD, Audio-Book, Course Online เป็นต้น ข้อดีของธุรกิจนี้คือ ใช้ต้นทุนที่ต่ำ ไม่เป็นจำเป็นต้องสร้างหน้าร้าน สต็อกสินค้า จ้างแรงงาน สามารถทำที่ไหนก็ได้และเริ่มได้เลย แต่เราต้องสำรวจตนเองก่อนว่าเราถนัดและมีความรู้ด้านไหนจริงๆ ไม่ได้จำกัดเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงานเท่านั้นงานอดิเรกก็สามารถทำได้เช่นกัน เช่น สอนใช้โปรแกรมต่างๆ ทำอาหาร หรือแม้กระทั่งตกปลา เป็นต้น ยิ่งถ้าข้อมูลเหล่านั้นเป็นประโยชน์กับผู้อื่นด้วยแล้วสามารถเป็น Passive Income ที่เข้ามาเรื่อยๆ ได้เลย ผมขอยกตัวอย่าง กรณีของผมเองเคยเขียน E-Book ขายทางออนไลน์ไว้ตั้งแต่ต้นปี 2558 จนถึง ณ ตอนนี้ก็ยังสามารถขายได้อยู่เป็นรายได้เสริมอีกช่องทางที่ดีทีเดียวครับ

5. ทำรายได้ให้งอกเงย

พอเราเริ่มมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นแล้วนั้นควรต้องหาช่องทางลงทุนเพื่อให้เงินนั้นงอกเงยขึ้นครับ แต่การที่จะไปลงทุนอะไรนั้นขอให้เข้าใจการลงทุนนั้นให้ดีเสียก่อน ร่วมทั้งความเสี่ยงด้วย อันนี้สำคัญมากๆ นะครับ สมมติ อีก 6 เดือนหน้าต้องใช้เงิน แต่เรานำเงินก้อนนี้ไปลงทุนหุ้น หากตลาดหุ้นไม่เป็นอย่างที่คาดมูลค่าที่ได้กลับมาอาจลดลงก็ได้ (กรณีนี้เป็นการยกตัวอย่างเท่านั้น จริงๆ แล้วหุ้นก็เป็นการลงทุนระยะยาวที่ดีอย่างหนึ่งแต่ในระยะสั้นมีความผันผวนสูง)

ซึ่งเราได้สำรวจเป้าหมายการท่องเที่ยวตั้งแต่ตอนต้นแล้วว่าระยะในการเก็บเงินของเรามีมากน้อยแค่ไหน เพื่อที่จะได้เลือกการลงทุนให้เหมาะสมได้ ถ้าเป็นระยะสั้น ควรลงทุนในสิ่งที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น กองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market) ซึ่งให้ผลตอบแทนพอๆ กับการฝากเงินประจำ (ข้อมูล ณ ตุลาคม 2558) แต่มีสภาพคล่องที่ดีกว่าคือ สามารถสั่งขายและรับเงินได้ในอีก 1 วันทำการ สะดวกกว่าการฝากเงินประจำค่อนข้างมากครับและได้ดอกผลที่ดีกว่าการฝากออมทรัพย์ทั่วไป แต่ถ้ามีระยะเวลาเก็บเงินที่ค่อนข้างนานสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นเพื่อรับผลตอบแทนที่มากขึ้นได้ครับ ลองปรึกษาเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนได้ครับ

หรือถ้าใครอยากให้เงินทำงานแทนเรา ก็อ่านบทความนี้กันได้นะครับ

https://www.krungsri.com/bank/th/KrungsriGuru/Wealth/september-2014/4-hot-ways-to-create-passive-income.html

ถึงตอนนี้เราก็พร้อมที่จะท่องเที่ยวได้อย่างมีความสุขและยังมีสุขภาพทางการเงินที่แข็งแรงอีกด้วย โชคดีในการเดินทางและเที่ยวให้สนุกนะครับ

Mr.LikeStock